1. หน้าหลัก
  2. อัปเดตการตลาด
  3. Business Model Canvas คืออะไร? เพื่อการวางแผนธุรกิจ
เผยแพร่เมื่อ: มีนาคม 9, 2022 | แก้ไขเมื่อ: เมษายน 28, 2023

Business Model Canvas คืออะไร? เพื่อการวางแผนธุรกิจ

Table Of Contents

การแข่งขันทางการตลาดในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์เล็กหรือใหญ่ ก็ล้วนมีการแข่งขันทางการตลาดกันทั้งนั้น การเริ่มวางแผนก่อนทำธุรกิจจึงสำคัญอย่างมาก จึงมีกลยุทธ์ที่ชื่อว่า Business Model Canvas ขึ้นมาให้ได้ลองวางแผนธุรกิจ โดยใช้องค์ประกอบภายในนั้นช่วยให้มองเห็นภาพรวมของธุรกิจมากขึ้น แล้ว Business Model Canvas คืออะไร เรามีคำตอบ

Business Model Canvas คืออะไร

Business Model Canvas คือ

Business Model Canvas คือ แนวคิดการวางแผนธุรกิจรูปแบบหนึ่ง ที่จะทำให้มองเห็นภาพรวม และรับรู้ทิศทางของธุรกิจของตัวเองมากขึ้น Business Model Canvas จะทำให้คุณได้เห็นจุดเด่น จุดด้อยผ่านทาง Canvas Model นี้ได้ภายในแผ่นเดียว เป็นแนวคิดที่ชาญฉลาดและถูกพัฒนาโดย Alex Osterealder เพื่อให้เข้าใจ มองเห็นปัญหาได้อย่างรวดเร็ว และมุ่งแก้ปัญหาที่เจอในธุรกิจได้อย่างไม่ต้องเสียเวลามากนั่นเอง

องค์ประกอบของ BMC Model พร้อมวิธีการสร้าง

การประกอบธุรกิจให้ประสบความสำเร็จนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ว่าจะตั้งแต่เริ่ม ระหว่างทาง หรือตอนที่ประสบความสำเร็จแล้วก็ยังต้องมีการแข่งขันพัฒนาอยู่เสมอเช่นกัน BMC Model เป็นอีกแนวคิด ในการทำแผนธุรกิจ ที่จะทำให้ได้มองเห็นทิศทางภาพรวมของธุรกิจมากขึ้น โดยการทำ BMC Model จะมี 9 องค์ประกอบหลักดังนี้

1. Customer Segments

อย่างแรกคือ ต้องรู้ก่อนว่าใครเป็นลูกค้า เป็นกลุ่มคนแบบไหน หรืออาจต้องดูอีกว่าคนซื้อและคนใช้เป็นคนเดียวกัน หรือคนซื้อไม่ได้ใช้ คนใช้ไม่ได้ซื้อ เช่น พ่อแม่ที่ต้องซื้อของให้ลูก หรือ คนที่ต้องซื้อของให้กับพ่อแม่ที่เป็นคนชรา เขามีพฤติกรรมแบบไหน ใช้สื่ออย่างไรบ้าง เมื่อรู้แล้วจะทำให้การสื่อสารนั้นง่าย และตรงจุดกับกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น โดย Customer Segments จะอยู่ในช่อง WHO ของ Canvas Model นั่นเอง

2. Value Propositions

ต่อมาคือ Value Propositions ถ้าแปลง่าย ๆ ก็คือ คุณค่าอะไรที่เราจะนำเสนอให้กับลูกค้า คุณค่าอะไร ที่ทำให้ลูกค้าต้องหันมาเลือกใช้สินค้าหรือบริการของเรา ถ้าลูกค้ายอมจ่ายเงินเพราะเรา เขาจะได้คุณค่าอะไรจากแบรนด์หรือธุรกิจบ้าง ต้องหาคุณค่าในธุรกิจในตัวเองให้เจอนั่นเอง โดย Value Propositions จะอยู่ช่องตรงกลาง ของ Canvas Model นั่นเอง

3. Channels

ช่องทางในการสื่อสารกับลูกค้าของคุณ เพื่อจะได้ทำสื่อออกไปได้อย่างถูกช่องทาง เช่นการสร้างการรับรู้ให้กับแบรนด์ การแจ้งข่าวสาร โปรโมชั่น คอนเทนต์ต่าง ๆ การโปรโมทเว็บไซต์รวมถึงช่องทางการติดต่อเพื่อซื้อขายด้วย ลูกค้าส่วนใหญ่มักจะใช้ช่องทางไหนมากที่สุด เราควรเลือกช่องทางไหนเพื่อให้การซื้อขายสะดวกและง่ายที่สุดสำหรับลูกค้า จำเป็นต้องเลือกให้ถูกต้อง ในส่วนของ Channels จะอยู่ช่องด้านซ้ายของ Customer Segments บน Canvas Model นั่นเอง

4. Customer Relationships

Customer Relationships ก็คือความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้า ในข้อนี้ก็ถือเป็นอีกข้อสำคัญที่หลายแบรนด์อาจมองข้ามไป ความจริงแล้วการที่แบรนด์มีความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์และลูกค้าที่เหนียวแน่น จนสามารถนำไปสู่การกลับมาซื้อซ้ำ จนเกิดการบอกต่อ ไปจนถึงการเป็นลูกค้าที่จงรักภักดีต่อแบรนด์ จะเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้แบรนด์หรือธุรกิจของคุณแข็งแกร่ง และต่อสู้กับคู่แข่งในตลาดต่อไปได้ และ Customer Relationships จะอยู่ตรงช่องซ้ายมือของ Customer Segments บน Canvas Model

5. Revenue Streams

Revenue Streams ใน BMC Model คือ การรู้ว่าธุรกิจของคุณจะมีรายได้จากสินค้าและบริการ เข้ามาจากช่องทางไหนบ้าง อาจแบ่งได้ 4 ประเภทใหญ่ ๆ อย่างการได้รายได้จากค่าบริการ ได้จากการขายสินค้า จากค่าเช่า หรืออื่น ๆ และยังต้องรู้ไปถึงว่าช่องทางไหนที่ลูกค้าสะดวกจ่ายมากที่สุด และมักจะจ่ายในรูปแบบใดบ้าง มีการจ่ายผ่านช่องทางใด เพื่อให้สินค้าและบริการสอดคล้องกับช่องทางที่เป็นรายรับของธุรกิจ เช่นมีการซื้อขายผ่านทางเว็บไซต์มากที่สุด จึงควรมุ่งหาวิธีการโปรโมทเว็บไซต์ดีกว่าช่องทางอื่น

6. Key Activities

กิจกรรมหลัก ๆ ที่ต้องทำเพื่อช่วยขับเคลื่อนธุรกิจต่อไปข้างหน้าได้ หรือกิจกรรมที่ทำเพื่อให้มีธุรกิจรายรับขึ้นมานั่นเอง ซึ่งในแต่ละธุรกิจและบริการก็มีกิจกรรมที่แตกต่างกันไป เช่น หากประกอบธุรกิจอาหารจามสั่ง ก็สามารถเขียนลงในช่อง Key Activities ได้ว่า การลงมือทำอาหารตามที่ลูกค้าต้องการ และรสชาติต้องมีความอร่อย เป็นต้น และช่อง Key Activities จะอยู่ด้านซ้ายของช่อง Value Propositions  นั่นเอง

7. Key Resources

การที่ต้องรู้ Key Resources สำคัญสำหรับการทำ BMC Model เช่นกัน หากแปลง่าย ๆ ก็คือทรัพยากรหลักนั่นเอง ควรต้องรู้ว่าอะไรคือทรัพยากรสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถเดินหน้าและแข่งขันในตลาดต่อไปได้ และยังแบ่งต่อไปได้อีกว่า เป็นทรัพยากรส่วนที่เรามีอยู่ หรือทรัพยากรในส่วนที่เราต้องมี แล้วทรัพยากรที่เรามีนั้นจะสามารถสร้างคุณค่าให้กับลูกค้าได้หรือไม่

8. Key Partnerships

กลุ่มคนที่มีความเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือธุรกิจคือใคร เป็นคนกลุ่มไหนบ้าง อาจเรียกง่าย ๆ ว่าพันธมิตรก็ได้ ก็คือกลุ่มคนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจของเรา เป็นกลุ่มคนที่จะคอยให้ความช่วยเหลือให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่น กลุ่มคนที่เป็น Key Partnerships ถือเป็นกลุ่มคนที่ช่วยกระจายความเสี่ยง และเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการทำธุรกิจด้วย

9. Cost Structure

ในช่องนี้จะเป็นการมองหาว่า อะไรคือต้นทุนที่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจ ซึ่งสามารถแบ่งออกตามวัตถุประสงค์ได้ คือ ต้นทุนเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าบำรุงรักษาเรื่องจักร ค่าเช่า ส่วนต้นทุนประเภทที่สอง คือ ต้นทุนที่มีเพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับแบรนด์หรือธุรกิจ เช่น ต้นทุนที่มาจากงบโฆษณา การลงโฆษณา Facebook งบค่าเช่าพื้นที่พิเศษตามห้างสรรพสินค้า งบการจ้างลงข่าวประชาสัมพันธ์ ฯลฯ

ทำไมถึงควรใช้ Business Model Canvas

Business Model Canvas ถือเป็นอีกโมเดลธุรกิจ ที่ได้ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย เข้าใจง่าย มีความครอบคลุมอย่างมาก บางครั้งการประกอบธุรกิจก็ไม่ได้ราบรื่นและประสบความสำเร็จได้ง่าย ๆ บางครั้งอาจประสบปัญหาแล้วไม่รู้ว่าควรแก้อย่างไร ตรงจุดไหนดี การใช้ Business Model Canvas จะทำให้คุณมองเห็นภาพรวมทั้งหมดของธุรกิจได้ และยังมองเห็นจุดอ่อน จุดแข็ง ปัญหาต่าง ๆ เมื่อมองเห็นภาพรวมและปัญหาทั้งหมดแล้ว ก็จะช่วยให้ไม่ต้องเสียเวลาและมุ่งไปจัดการปัญหาได้อย่างรวดเร็ว จนทำให้การดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่นได้ตามปกตินั่นเอง Business Model Canvas หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า BMC Model นั้นสามารถใช้ได้กับธุรกิจไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ หรือธุรกิจประเภทใด ก็สามารถใช้ได้ และยังเข้าใจได้ง่ายอีกด้วย

บทความที่เกี่ยวข้อง

HubSpot คืออะไร? ช่วยดูแลธุรกิจ ครบจบในตัวเดียวจริงไหม?

สำหรับการทำธุรกิจในยุคนี้ ทีมที่องค์กรขาดไปไม่ได้เลยคือทีมการตลาดและทีมขาย ทั้งสองทีมนี้ต้องทำงานร่วมกัน ในการดึงลูกค้าเข้ามาและปิดการขาย แต่ด้วยความที่ต่างทีมต่างมีลำดับขั้นตอนและรายละเอียดของเนื้องา
38

Google Analytics 4 คืออะไร ต่างจากเวอร์ชันเก่าอย่างไร

Google Analytics (GA) เป็นเครื่องมือที่มีความสำคัญมาก สำหรับนักการตลาดและแบรนด์ที่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง เพราะ GA จะช่วยให้คุณรู้จักกลุ่มเป้าหมายที่เข้ามาใช้งานบนเว็บไซต์มากขึ้น และทำให้คุณได้ข้อมูล
27

Technical SEO คืออะไร? กับ 8 เทคนิคการปรับปรุงฉบับพื้นฐาน

Search Engine Optimization (SEO) เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับบน Google ได้อย่างยั่งยืนและนำมาซึ่งผลลัพธ์ด้านการเติบโตของธุรกิจ ซึ่งการทำ SEO จะประกอบไปด้วยฝั่งของ On-Page S
32
th